top of page

เห่ชมเรือกระบวน

 

 

โคลง

๏ ปางเสด็จประเวศด้าว

 

ชลาลัย

ทรงรัตนพิมานชัย

 

กิ่งแก้ว

พรั่งพร้อมพวกพลไกร

 

แหนแห่

เรือกระบวนต้นแพร้ว

 

เพริศพริ้งพายทอง ฯ

       

 

 

ช้าลวะเห่

๏ พระเสด็จโดยแดนชล

 

ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย

กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย

 

พายอ่อนหยับจับงามงอน

๏ นาวาแน่นเป็นขนัด

 

ล้วนรูปสัตว์แสนยากร

เรือริ้วทิวธงสลอน

 

สาครลั่นครั่นครื้นฟอง

๏ เรือครุฑยุดนาคหิ้ว

 

ลิ่วลอยมาพาผันผยอง

พลพายกรายพายทอง

 

ร้องโห่เห่โอ้เห่มา

๏ สรมุขมุขสี่ด้าน

 

เพียงพิมานผ่านเมฆา

ม่านกรองทองรจนา

 

หลังคาแดงแย่งมังกร

๏ สมรรถชัยไกรกาบแก้ว

 

แสงแวววับจับสาคร

เรียบเรียงเคียงคู่จร

 

ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน

๏ สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย

 

งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์

เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์

 

ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม

๏ เรือชัยไวว่องวิ่ง

 

รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม

เสียงเส้าเร้าระดม

 

ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ

       

 

 

มูลวะเห่

๏ คชสีห์ทีผาดเผ่น

 

ดูดังเป็นเห็นขบขัน

ราชสีห์ที่ยืนยัน

 

คั่นสองคู่ดูยิ่งยง

๏ เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ

 

แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง

เพียงม้าอาชาทรง

 

องค์พระพายผายผันผยอง

๏ เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน

 

โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง

ดูยิ่งสิงห์ลำพอง

 

เป็นแถวท่องล่องตามกัน

๏ นาคาหน้าดังเป็น

 

ดูเขม้นเห็นขบขัน

มังกรถอนพายพัน

 

ทันแข่งหน้าวาสุกรี

๏ เลียงผาง่าเท้าโผน

 

เพียงโจนไปในวารี

นาวาหน้าอินทรี

 

มีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม

๏ ดนตรีมี่อึงอล

 

ก้องกาหลพลแห่โหม

โห่ฮึกครึกครื้นโครม

 

โสมนัสชื่นรื่นเริงพล

๏ กรีธาหมู่นาเวศ

 

จากนคเรศโดยสาชล

เหิมหื่นชื่นกระมล

 

ยลมัจฉาสารพันมี ฯ

เห่ชมปลา

 

 

โคลง

๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้า

 

คลึงกัน

ถวิลสุดาดวงจันทร์

 

แจ่มหน้า

มัตสยาย่อมพัวพัน

 

พิศวาส

ควรฤพรากน้องช้า

 

ชวดเคล้าคลึงชม ฯ

       

 

 

ช้าลวะเห่

๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้า

 

คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์

มัตสยายังรู้ชม

 

สาสมใจไม่พามา

๏ นวลจันทร์เป็นนวลจริง

 

เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา

คางเบือนเบือนหน้ามา

 

ไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย

๏ เพียนทองงามดั่งทอง

 

ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย

กระแหแหห่างชาย

 

ดั่งสายสวาทคลาดจากสม

       

 

 

ทรงแปลง

๏ แก้มช้ำช้ำใครต้อง

 

อันแก้มน้องช้ำเพราะชม

ปลาทุกทุกข์อกกรม

 

เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ

       

ทรงแทรก ๕ บท

 

 

มูลวะเห่

๏ น้ำเงินคือเงินยวง

 

ขาวพรายช่วงสีสำอาง

ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง

 

งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี

๏ ปลากรายว่ายเคียงคู่

 

เคล้ากันอยู่ดูงามดี

แต่นางห่างเหินพี่

 

เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร

๏ หางไก่ว่ายแหวกว่าย

 

หางไก่คล้ายไม่มีหงอน

คิดอนงค์องค์เอวอร

 

ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร

๏ ปลาสร้อยลอยล่องชล

 

ว่ายเวียนวนปนกันไป

เหมือนสร้อยทรงทรามวัย

 

ไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย

๏ เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ

 

เนื้อน้องฤๅอ่อนทั้งกาย

ใครต้องข้องจิตชาย

 

ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง

๏ ปลาเสือเหลือที่ตา

 

เลื่อนแหลมกว่าปลาทั้งปวง

เหมือนตาสุดาดวง

 

ดูแหลมล้ำขำเพราคม

๏ แมลงภู่คู่เคียงว่าย

 

เห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม

คิดความยามเมื่อสม

 

สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง

๏ หวีเกศเพศชื่อปลา

 

คิดสุดาอ่าองค์นาง

หวีเกล้าเจ้าสระสาง

 

เส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม

๏ ชะแวงแฝงฝั่งแนบ

 

ชะวาดแอบแปบปนปลอม

เหมือนพี่แอบแนบถนอม

 

จอมสวาทนาฏบังอร

๏ พิศดูหมู่มัจฉา

 

ว่ายแหวกมาในสาคร

คะนึงนุชสุดสายสมร

 

มาด้วยพี่จะดีใจ ฯ

เห่ชมไม้

 

 

โคลง

๏ เรือชายชมมิ่งไม้

 

มีพรรณ

ริมท่าสาครคันธ์

 

กลิ่นเกลี้ยง

เพล็ดดอกออกแกมกัน

 

ชูช่อ

หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง

 

กลิ่นเนื้อนวลนาง ฯ

       

 

 

ช้าลวะเห่

๏ เรือชายชมมิ่งไม้

 

ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ

เพล็ดดอกออกแกมกัน

 

ส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร

๏ ชมดวงพวงนางแย้ม

 

บานแสล้มแย้มเกสร

คิดความยามบังอร

 

แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม

๏ จำปาหนาแน่นเนื่อง

 

คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม

คิดคะนึงถึงนงราม

 

ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง

๏ ประยงค์ทรงพวงร้อย

 

ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง

เหมือนอุบะนวลละออง

 

เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม

๏ พุดจีบกลีบแสล้ม

 

พิกุลแกมแซมสุกรม

หอมชวยรวยตามลม

 

เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ

๏ สาวหยุดพุทธชาด

 

บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป

นึกน้องกรองมาลัย

 

วางให้พี่ข้างที่นอน

       

 

 

มูลวะเห่

๏ พิกุลบุนนาคบาน

 

กลิ่นหอมหวานซ่านขจร

แม้นนุชสุดสายสมร

 

เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย

๏ เต็งแต้วแก้วกาหลง

 

บานบุษบงส่งกลิ่นอาย

หอมอยู่ไม่รู้หาย

 

คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตาตรู

๏ มะลิวัลย์พันจิกจวง

 

ดอกเป็นพวงร่วงเรณู

หอมมาน่าเอ็นดู

 

ชูชื่นจิตคิดวนิดา

๏ ลำดวนหวนหอมตรลบ

 

กลิ่นอายอบสบนาสา

นึกถวิลกลิ่นบุหงา

 

รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง

๏ รวยรินกลิ่นรำเพย

 

คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง

นั่งแนบแอบเอวบาง

 

ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน

๏ ชมดวงพวงมาลี

 

ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ

วนิดามาด้วยกัน

 

จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย ฯ

เห่ชมนก

 

 

โคลง

๏ รอนรอนสุริยโอ้

 

อัสดง

เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง

 

ค่ำแล้ว

รอนรอนจิตจำนง

 

นุชพี่ เพียงแม่

เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว

 

คลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ

       

 

 

ช้าลวะเห่

๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน

 

ทิพากรจะตกต่ำ

สนธยาจะใกล้ค่ำ

 

คำนึงหน้าเจ้าตาตรู

๏ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง

 

นกบินเฉียงไปทั้งหมู่

ตัวเดียวมาพลัดคู่

 

เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย

๏ เห็นฝูงยูงรำฟ้อน

 

คิดบังอรร่อนรำกราย

สร้อยทองย่องเยื้องชาย

 

เหมือนสายสวาทนาดนวยจร

๏ สาลิกามาตามคู่

 

ชมกันอยู่สู่สมสมร

แต่พี่นี้อาวรณ์

 

ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ

๏ นางนวลนวลน่ารัก

 

ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน

แก้วพี่นี้สุดนวล

 

ดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง

๏ นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง

 

จับไม้เรียงเคียงคู่สอง

เหมือนพี่นี้ประคอง

 

รับขวัญน้องต้องมือเรา ฯ

       

 

 

มูลวะเห่

๏ ไก่ฟ้ามาตัวเดียว

 

เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา

เหมือนพรากจากนงเยาว์

 

เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง

๏ แขกเต้าเคล้าคู่เคียง

 

เรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง

เรียมคะนึงถึงเอวบาง

 

เคยแนบข้างร้างแรมนาน

๏ ดุเหว่าเจ่าจับร้อง

 

สนั่นก้องซ้องเสียงหวาน

ไพเราะเพราะกังวาน

 

ปานเสียงน้องร้องสั่งชาย

๏ โนรีสีปานชาด

 

เหมือนช่างฉลาดวามแต้มลาย

ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย

 

ห่มตาดพรายกรายกรมา

๏ สัตวาน่าเอ็นดู

 

คอยหาคู่อยู่เอกา

เหมือนพี่ที่จากมา

 

ครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ

๏ ปักษีมีหลายพรรณ

 

บ้างชมกันขันเพรียกไพร

ยิ่งฟังวังเวงใจ

 

ล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ

เห่เรื่องกากี

 

 

โคลง

๏ กางกรอุ้มโอบแก้ว

 

กากี

ปีกกระพือพาศรี

 

สู่งิ้ว

ฉวยฉาบคาบนาคี

 

เป็นเหยื่อ

หางกระหวัดรัดหิ้ว

 

สู่ไม้รังเรียง ฯ

       

 

 

กาพย์

๏ กางกรอุ้มโอบแก้ว

 

เจ้างามแพร้วสบสรรพางค์

ปีกปกอกเอวนาง

 

พลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล

๏ ฉวบฉาบคาบนาคา

 

เป็นภักษาพาผกผัน

หางกระหวัดรึงรัดพัน

 

ดั้นเมฆามาสิมพลี

๏ ดลสถานพิมานมาศ

 

เกลียวกลมสวาทนาฎกากี

เหิมหวลยวลกามี

 

ปรีดาแนบแอบอิงองค์

๏ เริงรื่นชื่นเชยปราง

 

พลางคลึงเคล้าเต้าบุษบง

กอดเกื้อเนื้อนวลหง

 

ปลงสวาทชมสมเสพย์สมร

๏ กากีแน่งน้อยนาฎ

 

อภิวาทประนมกร

ก้มเกล้ากล่าวชอ้อน

 

ซอนซบหน้าตาเมียงมัน

๏ ปักษีกรีฑาชม

 

ภิรมย์เปรมเกษมสันต์

กลมเกลียวเกี่ยวกรพัน

 

ผันยั่วเย้าเคล้าคลึงชม

๏ สองสุขสองสังวาส

 

แสนสุดสวาทสองสู่สม

สองสนิทนิทรารมณ์

 

กลมเกลียวชู้สู่สมสอง

๏ แย้มยิ้มพริ้มพรักตรา

 

สาภิรมย์สมจิตปอง

แสนสนุกสุขสมพอง

 

ในห้องแก้วแพรวพรรณราย

๏ ลมพัดกลัดเมฆเกลื่อน

 

ฟ้าลั่นเลื่อนแลบแสงพราย

วลาหกตกโปรยปราย

 

สายสินธุ์นองท้องธารา

๏ เหราร่าเริงรื่น

 

ว่ายเคล้าคลื่นหื่นหรรษา

สองสมกลมกรีฑา

 

เปนผาสุขทุกนิรันดร์ ฯ

เห่บทสังวาส

 

 

โคลง

๏ พี่ชมพี่เชยแล้ว

 

พลางถาม

เจ้ามิอืออำความ

 

ไป่พร้อง

เจ้าเอื้อนมิเออขาม

 

เขินพี่ อยู่ฤา

ผินพักตรมาอย่าข้อง

 

ขัดแค้นเคืองเลย ฯ

       

 

 

ช้าลวะเห่

๏ พี่ชมพี่เชยพลาง

 

พี่ถามนางเจ้าไม่อือ

เจ้าเอื้อนอายพี่ฤา

 

พี่ขอถามความจริงนาง

๏ พิศวงทรงรวยรูป

 

พลางกอดจูบลูบคอนาง

ฉุดชักสไบบาง

 

พลางคลึงเคล้าเย้ายวนสม

๏ พิศรูปก็น่ารัก

 

พิศพักตรก็น่าชม

อ้อนแอ้นอรเอวกลม

 

ชมชวัญน้องต้องตามชาย

๏ ใครเห็นเป็นขวัญเนตร

 

ลืมทุกข์เทวษเจตน์จงหมาย

มาดนุชสุดเสมอกาย

 

บ่วายรักสักนาที ฯ

       

 

 

มูลวะเห่

๏ โหยหวนครวญใคร่นาง

 

อกเพียงพ่างล้างชีวี

นั่งนอนห่อนฤามี

 

สิ่งซึ่งสุขทุกเวลา

๏ คิดเคยเชยชมน้อง

 

ไม่ห่างห้องสองเสน่หา

   

เป็นสุขทุกเวลา

 

มาจากได้ให้อาวรณ์

๏ อกเอ๋ยเคยสังวาส

 

กรรมบำราศคลาศคลาสมร

นับเดือนเลื่อนปีจร

 

ห่อนเห็นแล้วแก้วตาเรียม

๏ พุ่มพวงดวงดอกฟ้า

 

ในใต้หล้าหาไหนเทียม

โฉมงามทรามเสงี่ยม

 

เรียมรักเจ้าเท่าดวงใจ ฯ

เห่ครวญ

 

 

โคลง

๏ รอนรอนสุริยคล้อย

 

สายัณห์

เรื่อยเรื่อยเรื่ยแสงจันทร์

 

ส่องฟ้า

รอนรอนจิตกระสัน

 

เสียวสวาท แม่เอย

เรื่อยเรื่อยเรียมคอยถ้า

 

ที่นั้นห่อนเห็น ฯ

       

 

 

กาพย์

๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน

 

สุริยาจรเข้าสายัณห์

เรื่อรองส่องสีจันทร์

 

ส่งแสงกล้าน่าพิศวง

๏ ริ่วริ่วจันทร์แจ่มฟ้า

 

เหมือนพักตราหน้านวลผจง

สูงสวยรวยรูปทรง

 

ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์

๏ เอวอ่อนชะอ้อนองค์

 

โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์

หาไหนไม่เทียมทัน

 

ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก

๏ ขาวสุดพุดจีบจีน

 

เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์

ทั้งวังเขาชังนัก

 

แต่พี่รักเจ้าคนเดียว

๏ นอนนั่งตั้งอาลัย

 

สายสุดใจไม่แลเหลียว

หวังชมสมกลมเกลียว

 

ควรฤๅน้องข้องใจเคือง ฯ

       

 

 

ช้าลวะเห่

๏ ขาวสุดพุดซ้อนแซม

 

เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง

โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง

 

หนแห่งใดไม่เหมือนเลย

๏ ได้น้องทองนพมาศ

 

มาสังวาสพาดชมเชย

ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย

 

เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ

๏ ฝนตกยกปีกป้อง

 

ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ

ชอกเชื้อเนื้อนวลขำ

 

อ่อนละมุนอุ่นอกเรียม

๏ รักนุชสุดสายใจ

 

ต้องหฤทัยไม่เท่าเทียม

ขอต้องน้องอายเหนียม

 

เกรียมจิตเจ้าเผ้าทุกข์ทน

๏ ฝนตกฝนหากตก

 

แก้วกับแกอย่าโกรธฝน

ลมพัดรับขวัญบน

 

แก้วโกมลมานอนเนา

๏ ฝนตกไม่ทั่วฟ้า

 

เย็นแหล่งหล้าในภูเขา

ไม่เย็นในอกเรา

 

เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล ฯ

       

 

 

มูลวะเห่

๏ เรียมร่ำน้ำตาตก

 

อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ

แสนคะนึงถึงสายใจ

 

เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ

       

 

 

โคลง

๏ เสียงสรวลระรี่นี้

 

เสียงใด

เสียงนุชพี่ฤๅใคร

 

ใคร่รู้

เสียงสรวลเสียงทรามวัย

 

นุชพี่ มาแม่

เสียงบังอรสมรผู้

 

อื่นนั้นฤๅมี ฯ

       

 

 

มูลวะเห่

๏ เสียงสรวลระรี่นี้

 

เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร

เสียงสรวลเสียงทรามวัย

 

สุดสายใจพี่ตามมา

๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้อง

 

หอมเรื่อยต้องคลองนาสา

เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมา

 

เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง

๏ ยามสองฆ้องยามย่ำ

 

ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง

เสียงปี่มี่ครวญเครง

 

เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน

๏ ล่วงสามยามปลายแล้ว

 

จนไก่แก้วแว่วขันขาน

ม่อยหลับกลับบันดาล

 

ฝันเห็นน้องต้องติดต

๏ เพรางายวายเสพรส

 

แสนกำสรดอดโอชา

อิ่มทุกข์อิ่มชลนา

 

อิ่มโศกาหน้านองชล

๏ เวรามาทันแล้ว

 

จึงจำแคล้วแก้วโกมล

ให้แค้นแสนสุดทน

 

ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย

๏ งามทรงวงดั่งวาด

 

งามมารยาทนาดกรกราย

งานพริ้มยิ้มแย้มพราย

 

งามคำหวานลานใจถวิล

๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็น

 

กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ

ชายใดในแผ่นดิน

 

ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ

       

 

 

โคลง

๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้า

 

ถึงเย็น

มาสู่สุขคืนเข็ญ

 

หม่นไหม้

ชายใดจากสมรเป็น

 

ทุกข์เท่า เรียมเลย

จากคู่วันเดียวได้

 

ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ

bottom of page